1.นำแผ่นซีดีวินโดวส์ ใส่ไดร์ CD-ROM
2.รอสักคู่ ขึ้นหน้าจอ Window Setup (หน้าต่างวีฟ้า)
3.ปรากฎหน้าต่างการติดตั้งวินโดวส์ เลือกไดร์ที่ต้องการเลือกตั้งเลื่อนลูกศรไปรายการ C:Patition1 Fat 32
4.กด Enter เพื่อเริ่มติดตั้งวินโดวส์
5.เลื่อนลูกศรไปรายการ Format the Partition using the NTFS File System
6.กด Enter
7.กด F โปรแกรมจำทการ Format
8.รอจน Boot เครื่องใหม่ คือ เครื่องปิดและเปิดเครื่องอัตโนมัติ
9.ปรากฎหน้าต่างการติดตั้งโปรแกรมวินโดวส์ แบบกราฟิก
10.รอจนกระทั้ง คิดคั้งสมบูรณ์ Boot เครื่องใหม่
11.บางเครื่องถามหาไดร์เวอร์ การ์ดจอ ให้กด OK
12.ปรากฎหน้าต่าง Welcome to Microsoft Window คลิกปุ่ม Next >
13.คลิก Not
14.คลิก Next
15.ตั้งชื่อ com
16.คลิก Next
17.คลิก Finish
18.เข้าสู่หน้าต้างโปรแกรมวินโดวส์
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์หรือพีซี ( PC: Personal Computer )
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ซึ่งมีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ เช่นการจัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์งาน คิดคำนวณ ประมวลผลข้อมูล ตลอดจนการทำงานต่างๆที่เกินขีดความสามารถของมนุษย์
องค์ยวกับคอมพิวเตอร์
ประกอบของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบด้วยกันคือ
1.Hardware (ฮาร์ดแวร์) คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ที่สามารถจับต้องได้หรือสัมผัสได้ทั้งอยู่ภายในและภายนอกของคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู แรม แมนบอร์ด จอภาพ เครื่องพิมพ์ เมาส์ คีย์บอร์ด และอื่นๆ
2.Software (ซอฟต์แวร์) คือ โปรแกรมที่คอยสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานซึ่งแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ หรือ โอเอส ( OS: Operating System ) เป็นโปรแกรมที่คอยดูและระบบ รวมทั้งติดต่อกับฮาร์ดแวร์ส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์
- โปรแกรมเอนกประสงค์ (Utility Program ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆรวมทั้งตรวจสอบระบบได้อีกด้วย โดยมีอยู่หลายประเภทเช่น โปรแกรมเช็คความเร็วคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแสกนไวรัส โปรแกรมตรวจสอบตัวเครื่อง เป็นต้น
- โปรแกรมประยุกต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package Software)เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะด้าน และมีการทำงานที่แตกต่างกัน เช่นโปรแกรมบัญชี โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
3.People ware (พีเพิลแวร์)คือ ผู้ที่ใช้งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงช่างคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์ระบบ โปรแกรมเมอร์เป็นต้น
4.Data (ดาต้า)คือ ข้อมูลดิบที่ป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ เคส (Case)
เป็นกล่องสี่เหลี่ยมใช้สำหรับบรรจุเมนบอร์ด ซีพียู แรมฮาร์ดดิสก์ และสิ่งอื่น ๆ อยู่รวมกันภายในเคส เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซึงสามารถแบ่งได้ดังนี้
- แบบฟูลทาวเวอร์ เป็นเคสขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก นิยมนำไปใช้เป็นเครื่อง Sever
- แบบมีเดียมทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีน้ำหนักปานกลาง สำหรับตั้งไว้บนโต๊ะทำงานหรือบนพื้น ปัจจุบันถือเป็นมาตราฐานและเป็นที่นิยมทั้วไป
- แบบมินิทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับเมนบอร์ดขนาดเล็กที่จำกัดจำนวนสล็อต PCI ไว้เพียง 2-3 สล็อต
- แบบเดสท็อป เป็นเคสแบบวางแนวนอนนิยมวางจอภาพไว้บนตัวเคสใช้ตามหน่วยงานและบริษัท
- แบบมินิพีซี เป็นเคสนาดเล็กอาจมีทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เหมาะสำหรับแมนบอร์ดที่มีขนาดเล็กมาก


ซีพียู (CPU : Central Processing Unti)
หรือหน่วยประมวลผลกลาง นับเป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียูเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ และมีหน้าที่ประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ ที่รับมาจากอุปกรณ์ เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด เมื่อประมวลผลแล้ว จะส่งผลไปให้กับอุปกรณ์ Output เช่น จอภาพ ผ่านทางการ์ดแสดงผล เสียงผ่านการ์ดเสียงพิมพ์งานด้วยเครื่องพิมพ์ ผ่านพอร์ต Parallal
ซีพียูที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเป็นของ 2 คู่แข่ง


แรม (RAM) ย่อมาจาก Ramdom Access Memory
เป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องมีความเร็วในการทำงานสูงแต่มีข้อเสียคือ สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้ขณะที่เปิดเครื่องอยู่เท่านั้น ถ้าปิดเครื่องข้อมูลก็จะหายไป แรมแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
- SRAM ทำจากทรานซิสเตอร์ กินไฟมากมีความเร็วสูง แต่เนื่องจากมีราคาแพงมาก จึงมักใช้ทำเป็นหน่วยความจำแคชสำหรับเมนบอร์ด และซีพียู
- DRAM เป็นหน่วยความจำที่สร้างขึ้นโดยใช้สถานะ “มีประจุ” และ“ไม่มีประจุ” เป็นหลักในการเก็บข้อมูลซึ่งกินไปน้อยและราคาถูกกว่า SRAM จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นหน่วยความจำ หลักในเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานของDRAM
จะต้องทาการเติมประจุตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้ข้อมูลสูญหายไปเรียกว่าการ “Refresh” แรมที่ใช้เป็นหน่วยความจำหลักในคอมพิวเตอร์คือ DRAM ซึ่งมีหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กัน มี 2 แบบคือ EDO DRAM และ SDRAM
EDO DRAM เป็น DRAM ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเร็วสูงขึ้นนิยมใช้ในเครื่องรุ่น 486, Pentium
SDRAM เนื่องจากEDO RAM ไม่สามารถทำงานได้ที่ความถี่เกินกว่า 66 MHz

การ์ดแสดงผล (DISPLAY CARD)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ สำหรับแปลงสัญญาณภาพแบบดิจิตอล ไปเป็นสัญญาณแบบอะนาล็อค เพื่อแสดงผลบนหน้าจอมอนิเตอร์ การ์ดแสดงผลที่ดี จะช่วยให้เครื่องสามารถแสดงผลภาพเคลื่อนไหว และภาพ 3 มิติ เช่น เกม ต่าง ๆ ได้ราบรื่นไม่เกิดการกระตุกของภาพ และแสดงผลราคาถูก
ในปัจจุบันนิยมใช้การ์ดแสดงผลแบบ AGP ซึ่งเสียบกับสล็อตแบบ AGP บนเมนบอร์ดเนื่องจากบัสแบบ AGP มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่าบัสแบบ PCI ประกอบกับมีหน่วยความจำจำนวนมากอยู่บนตัวการ์ด และทำงานโดยประสานกับซีพียู โดยตรงจึงทำให้สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว


คอมพิวเตอร์หรือพีซี ( PC: Personal Computer )
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกสร้างขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่มนุษย์ ซึ่งมีความแม่นยำในการทำงานต่างๆ เช่นการจัดเก็บข้อมูล วิเคราะห์งาน คิดคำนวณ ประมวลผลข้อมูล ตลอดจนการทำงานต่างๆที่เกินขีดความสามารถของมนุษย์
องค์ยวกับคอมพิวเตอร์
ประกอบของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบด้วยกันคือ
1.Hardware (ฮาร์ดแวร์) คือ อุปกรณ์ทุกชิ้นที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ ที่สามารถจับต้องได้หรือสัมผัสได้ทั้งอยู่ภายในและภายนอกของคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู แรม แมนบอร์ด จอภาพ เครื่องพิมพ์ เมาส์ คีย์บอร์ด และอื่นๆ
2.Software (ซอฟต์แวร์) คือ โปรแกรมที่คอยสั่งงานให้คอมพิวเตอร์ทำงานซึ่งแบ่งตามประเภทการใช้งานได้ 3 ประเภทคือ
- โปรแกรมระบบปฏิบัติการ หรือ โอเอส ( OS: Operating System ) เป็นโปรแกรมที่คอยดูและระบบ รวมทั้งติดต่อกับฮาร์ดแวร์ส่วนต่างๆ ของคอมพิวเตอร์
- โปรแกรมเอนกประสงค์ (Utility Program ) เป็นโปรแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ และยังเป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาต่างๆรวมทั้งตรวจสอบระบบได้อีกด้วย โดยมีอยู่หลายประเภทเช่น โปรแกรมเช็คความเร็วคอมพิวเตอร์ โปรแกรมแสกนไวรัส โปรแกรมตรวจสอบตัวเครื่อง เป็นต้น
- โปรแกรมประยุกต์ หรือเรียกอีกอย่างว่า ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป (Package Software)เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาเฉพาะด้าน และมีการทำงานที่แตกต่างกัน เช่นโปรแกรมบัญชี โปรแกรมกราฟิก โปรแกรมอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
3.People ware (พีเพิลแวร์)คือ ผู้ที่ใช้งานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงช่างคอมพิวเตอร์ นักวิเคราะห์ระบบ โปรแกรมเมอร์เป็นต้น
4.Data (ดาต้า)คือ ข้อมูลดิบที่ป้อนเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์

ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ เคส (Case)
เป็นกล่องสี่เหลี่ยมใช้สำหรับบรรจุเมนบอร์ด ซีพียู แรมฮาร์ดดิสก์ และสิ่งอื่น ๆ อยู่รวมกันภายในเคส เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซึงสามารถแบ่งได้ดังนี้
- แบบฟูลทาวเวอร์ เป็นเคสขนาดใหญ่มีน้ำหนักมาก นิยมนำไปใช้เป็นเครื่อง Sever
- แบบมีเดียมทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีน้ำหนักปานกลาง สำหรับตั้งไว้บนโต๊ะทำงานหรือบนพื้น ปัจจุบันถือเป็นมาตราฐานและเป็นที่นิยมทั้วไป
- แบบมินิทาวเวอร์ เป็นเคสที่มีขนาดเล็กเหมาะสำหรับเมนบอร์ดขนาดเล็กที่จำกัดจำนวนสล็อต PCI ไว้เพียง 2-3 สล็อต
- แบบเดสท็อป เป็นเคสแบบวางแนวนอนนิยมวางจอภาพไว้บนตัวเคสใช้ตามหน่วยงานและบริษัท
- แบบมินิพีซี เป็นเคสนาดเล็กอาจมีทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เหมาะสำหรับแมนบอร์ดที่มีขนาดเล็กมาก

พาวเวอร์ซัพพลาย (Power Supply)
โดยปกติเคสที่จำหน่ายกันในท้องตลาดจะมีพาวเวอร์ซัพพลายติดมาด้วยพาวเวอร์ซัพพลายแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ &bnsp
สายของพาวเวอร์ซัพพลายแบบ AT จะแยกออกเป็นชุดๆ ละ 6 เส้น การต่อใช้งานให้สีดำชนกันอยู่ตรงกลาง &bnsp
สายพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX จะมีสายไฟเป็นชุดเดียวกันจำนวน 20 เส้นแบ่งออกเป็น 2 แถว ๆ ละ 10 เส้น
โดยปกติเคสที่จำหน่ายกันในท้องตลาดจะมีพาวเวอร์ซัพพลายติดมาด้วยพาวเวอร์ซัพพลายแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ &bnsp
สายของพาวเวอร์ซัพพลายแบบ AT จะแยกออกเป็นชุดๆ ละ 6 เส้น การต่อใช้งานให้สีดำชนกันอยู่ตรงกลาง &bnsp
สายพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX จะมีสายไฟเป็นชุดเดียวกันจำนวน 20 เส้นแบ่งออกเป็น 2 แถว ๆ ละ 10 เส้น
ส่วนสายไฟที่พาวเวอร์ซัพพลายจ่ายให้กับอุปกรณ์อื่นทั้งแบบ AT และ ATX จะเหมือนกันคือเป็นสายไฟ 4 เส้นต่อกับจุดต่อ สายไฟสีเหลืองจะเป็นไฟ +12 v. สายไฟสีแดงจะเป็นไฟ +5 v. และสายไฟสีดำ 2 เส้นตรงกลางจะเป็นสายดิน
ส่วนความสามารถในการจ่ายไฟของพาวเวอร์ซัพพลายแต่ละตัวนั้นจะขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะใส่พาวเวอร์ซัพพลายขนาดใดติดมากับเคส การเลือกซื้อเคสควรเลือกที่มีพาวเวอร์ซัพพลายที่มีการจ่ายไฟให้เพียงพอหรือสูงกว่าความต้องการของอุปกรณ์ที่นำมาประกอบ ในท้องตลาดจะมีพาวเวอร์ซัพพลายขนาด 150-300 WATTS

ฟล็อปปี้ดิสก์ไดร์ฟ (FLOPPY DISK DRIVE)
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ดิสก์ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสเกตต์ และเขียนข้อมูลลงบนแผ่นดิสเกตต์ โดยเริ่มผลิตจากขนาด 5.25 นิ้ว ความจุ 360 KB แล้วเพิ่มความจุขึ้นเป็น 1.2 MB และขนาด 3.5นิ้ว ความจุ 720 KB แล้วเพิ่มความจุเป็น 1.44 และ 2.88 MB ตามลำดับ ดิสก์ไดร์ฟทั้งสองขนาดจะสามารถอ่านและเขียนแผ่นดิสเกตต์ที่มี ความจุต่ำกว่าได้ แต่ในปัจจุบันจะใช้เพียงดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 1.44 MB เท่านั้น
หรือเรียกสั้น ๆ ว่า ดิสก์ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นดิสเกตต์ และเขียนข้อมูลลงบนแผ่นดิสเกตต์ โดยเริ่มผลิตจากขนาด 5.25 นิ้ว ความจุ 360 KB แล้วเพิ่มความจุขึ้นเป็น 1.2 MB และขนาด 3.5นิ้ว ความจุ 720 KB แล้วเพิ่มความจุเป็น 1.44 และ 2.88 MB ตามลำดับ ดิสก์ไดร์ฟทั้งสองขนาดจะสามารถอ่านและเขียนแผ่นดิสเกตต์ที่มี ความจุต่ำกว่าได้ แต่ในปัจจุบันจะใช้เพียงดิสก์ไดร์ฟขนาด 2.5 นิ้ว ความจุ 1.44 MB เท่านั้น

จอมอนิเตอร์ (Monitor)
ส่วนที่ใช้ในการแสดงผลการทำงานของคอมพิวเตอร์ จอภาพที่ดีควรแสดงผลได้ละเอียดที่ 800 x 600 จุดขึ้นไป และมีอัตรรีเฟรซ เรท สูงพอที่ไม่ทำให้ภาพเกิดการกระพริบ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดตา ในระหว่างการทำงาน
ส่วนที่ใช้ในการแสดงผลการทำงานของคอมพิวเตอร์ จอภาพที่ดีควรแสดงผลได้ละเอียดที่ 800 x 600 จุดขึ้นไป และมีอัตรรีเฟรซ เรท สูงพอที่ไม่ทำให้ภาพเกิดการกระพริบ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดตา ในระหว่างการทำงาน
จอภาพทั่วไปมี 2 แบบ คือ
-จอภาพ CRT เป็นจอภาพที่ใช้กันส่วนใหญ่ ภาพเกิดจากการยิงของลำแสงอิเลคตรอนไปกระทบกับสารเรืองแสงบนหน้าจอ จอชนิดนี้จะมีขนานใหญ่และหนาส่วน
-จอภาพ LCD เป็นจอลักษณะ บางแบน มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องโน๊ตบุ๊ก มอนิเตอร์ หรือจอภาพ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากอีกอย่างหนึ่ง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นการทำงานของเครื่องและ โปรแกรมต่าง ๆ การจัดรูปแบบของข้อความ และข้อมูล
-จอภาพ CRT เป็นจอภาพที่ใช้กันส่วนใหญ่ ภาพเกิดจากการยิงของลำแสงอิเลคตรอนไปกระทบกับสารเรืองแสงบนหน้าจอ จอชนิดนี้จะมีขนานใหญ่และหนาส่วน
-จอภาพ LCD เป็นจอลักษณะ บางแบน มีน้ำหนักเบา ส่วนใหญ่ใช้กับเครื่องโน๊ตบุ๊ก มอนิเตอร์ หรือจอภาพ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากอีกอย่างหนึ่ง เป็นอุปกรณ์ที่แสดงให้เห็นการทำงานของเครื่องและ โปรแกรมต่าง ๆ การจัดรูปแบบของข้อความ และข้อมูล

หรือหน่วยประมวลผลกลาง นับเป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นในการทำงานของคอมพิวเตอร์ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นหัวใจของคอมพิวเตอร์เลยก็ได้ ซีพียูเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ต่อร่วมกับคอมพิวเตอร์ และมีหน้าที่ประมวลผลคำสั่งต่าง ๆ ที่รับมาจากอุปกรณ์ เช่น เมาส์และคีย์บอร์ด เมื่อประมวลผลแล้ว จะส่งผลไปให้กับอุปกรณ์ Output เช่น จอภาพ ผ่านทางการ์ดแสดงผล เสียงผ่านการ์ดเสียงพิมพ์งานด้วยเครื่องพิมพ์ ผ่านพอร์ต Parallal
ซีพียูที่นิยมใช้กันในปัจจุบันเป็นของ 2 คู่แข่ง
1.ค่าย Intel คือ Celeron, Pentium III และ Pentium 4
2.ค่าย AMD มีซีพียูที่มาแรงคือ Duron และ Thunderbird
ตระกูลของซีพียูมีอยู่ด้วยกัน 3 บริษัท
1. Intel เป็น CPU ที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตอย่างเนื่องและยาวนานที่สุด ราคาของCPU ของ intel นี้มีการ จำหน่ายในราคาสูง แต่ก็ได้รับความนิยมมาก
2. AMD เป็น CPU ที่ผลิตขึ้นหลังจากซีพียูของ intel แต่ในปัจจุบันก็มีคนนิยมใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ
3. Cyrix เป็น CPU ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ยังพอจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ CPU ที่
1. Intel เป็น CPU ที่มีการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีการผลิตอย่างเนื่องและยาวนานที่สุด ราคาของCPU ของ intel นี้มีการ จำหน่ายในราคาสูง แต่ก็ได้รับความนิยมมาก
2. AMD เป็น CPU ที่ผลิตขึ้นหลังจากซีพียูของ intel แต่ในปัจจุบันก็มีคนนิยมใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ
3. Cyrix เป็น CPU ที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก แต่ยังพอจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการ CPU ที่
ราคาถูก CPU
องค์ประกอบของซีพียู ลักษณะของตัวซีพียู จะหมายถึง รูปร่างหรือแบบของซีพียูที่ถูกผลิตออกมา ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
1. แบบการ์ดหรือตลับ มีลักษณะเป็นแผงหรือตลับสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านล่างมีหน้าสัมผัสสำหรับเสียบลงบนช่องต่อบนเมนบอร์ด ซึ่งเรียกว่า สล็อต (Slot)

ลักษณะการเชื่อมต่อของซีพียูกับเมนบอร์ด สำหรับเสียบซีพียูแบบการ์ดหรือตลับ ซึ่งปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกัน
2 แบบ คือ Slot 1 ที่ใช้กับซีพียูของค่าย Intel และ Slot A ที่ใช้กับซีพียูของค่าย AMD
ใช้กับ Pentium II, III, และ Celeron ของ Intel ใช้กับ Athlon ของ AMD
ใช้กับ Pentium II, III, และ Celeron ของ Intel ใช้กับ Athlon ของ AMD

2. แบบชิป PGA มีลักษณะเป็นแผ่นชิปบาง ๆ มักเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านหลังจะมีขาเสียบ โดยรอบสำหรับเสียบลงช่องต่อบนเมนบอร์ด ซึ่งเรียกว่า ซ็อกเก็ต (Socket) ลักษณะการเชื่อมต่อของซีพียูกับเมนบอร์ด สำหรับเสียบซีพียูแบบชิป PGA ซึ่งปัจจุบันจะมีอยู่ด้วยกันหลายแบบ เช่น Socket 7, Socket 370 สำหรับซีพียูของค่าย Intel และ Socket A สำหรับซีพียูของค่าย AMD

ฮาร์ดดิสก์ (HARDDISK DRIVE)
เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับเก็บข้อมูลโปรแกรมระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใช้งานต่างๆ ความเร็วของฮาร์ดดิสก์ มีผลต่อความเร็วรวมของเครื่องเช่นกันซึ่งความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์มาจากส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ
-ความเร็วรอบมีหน่วยเป็น rpm โดยในปัจจุบันนี้ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะมีความเร็วรอบตั้งแต่ 5,400 รอบต่อนาที ถึง 15,000 รอบต่อนาที ถ้าความเร็วรอบสูงขึ้น ข้อมูลจะผ่านหัวอ่านเขียนได้เร็วขึ้นความเร็วโดยรวมจะดีขึ้น แต่จะมีราคาสูงด้วยเช่นกัน
- อัตราการส่งผ่านข้อมูล หมายถึงปริมาณข้อมูล ที่ถูกส่งผ่านภายในเวลา 1 วินาที ซึ่งบ่งบอกได้ด้วยมาตรฐาน เช่น ATA-33, ATA-66 และ ATA-100
เป็นอุปกรณ์หลักสำหรับเก็บข้อมูลโปรแกรมระบบปฏิบัติการและโปรแกรมใช้งานต่างๆ ความเร็วของฮาร์ดดิสก์ มีผลต่อความเร็วรวมของเครื่องเช่นกันซึ่งความเร็วในการอ่านเขียนข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์มาจากส่วนประกอบ 2 ส่วนคือ
-ความเร็วรอบมีหน่วยเป็น rpm โดยในปัจจุบันนี้ฮาร์ดดิสก์ส่วนใหญ่จะมีความเร็วรอบตั้งแต่ 5,400 รอบต่อนาที ถึง 15,000 รอบต่อนาที ถ้าความเร็วรอบสูงขึ้น ข้อมูลจะผ่านหัวอ่านเขียนได้เร็วขึ้นความเร็วโดยรวมจะดีขึ้น แต่จะมีราคาสูงด้วยเช่นกัน
- อัตราการส่งผ่านข้อมูล หมายถึงปริมาณข้อมูล ที่ถูกส่งผ่านภายในเวลา 1 วินาที ซึ่งบ่งบอกได้ด้วยมาตรฐาน เช่น ATA-33, ATA-66 และ ATA-100
ฮาร์ดดิสก์ไดร์ฟ (Hard Disk Drive)
ชุดจานแม่เหล็กชนิดแข็ง เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องมีใจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน เนื่องจากโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีความจุมาก และความเร็วในการอ่าน และเขียนข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ จะสูงกว่าการอ่านและเขียนบนแผ่นดิสก์มาก ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบไอดีอี (IDE) และแบบ สกัสซี่ (SCSI)
1.IDE เป็นฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ จะใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงสุดเพียง 528 MB และต่อฮาร์ดดิสก์ก็ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น ต่อมามีการพัฒนาให้ใช้ได้ สูงกว่านั้น เรียกว่า เอนฮานซ์ไอดีอี สามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ตัว ในเครื่องเดียว มีความเร็วในการค้นหา และอ่านข้อมูลเพิ่มขึ้น ในปัจจุบันในการใช้ฮาร์ดดิสก์ให้มีความเร็วได้เต็มที่นั้นเมนบอร์ดจะต้องรับการทำงานของฮาร์ดดิสก์นั้นด้วย
2.SCSI เป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วสูง ทนทาน และราคาแพงเหมาะสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานหนัก เช่น FileServer ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 7 ตัวในเครื่องเดียวกัน โดยปกติเมนบอร์ดจะไม่มี I/O ที่สามารถต่อกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI ได้โดยตรง ต้องใช้ Interface Card หรือ SCSI
ชุดจานแม่เหล็กชนิดแข็ง เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญและจำเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ต้องมีใจเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานในปัจจุบัน เนื่องจากโปรแกรมส่วนใหญ่จะมีความจุมาก และความเร็วในการอ่าน และเขียนข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ จะสูงกว่าการอ่านและเขียนบนแผ่นดิสก์มาก ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันในปัจจุบันแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ แบบไอดีอี (IDE) และแบบ สกัสซี่ (SCSI)
1.IDE เป็นฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วไป เครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ จะใช้ฮาร์ดดิสก์ที่มีความจุสูงสุดเพียง 528 MB และต่อฮาร์ดดิสก์ก็ได้เพียง 2 ตัวเท่านั้น ต่อมามีการพัฒนาให้ใช้ได้ สูงกว่านั้น เรียกว่า เอนฮานซ์ไอดีอี สามารถต่อฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ตัว ในเครื่องเดียว มีความเร็วในการค้นหา และอ่านข้อมูลเพิ่มขึ้น ในปัจจุบันในการใช้ฮาร์ดดิสก์ให้มีความเร็วได้เต็มที่นั้นเมนบอร์ดจะต้องรับการทำงานของฮาร์ดดิสก์นั้นด้วย
2.SCSI เป็นฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วสูง ทนทาน และราคาแพงเหมาะสำหรับใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานหนัก เช่น FileServer ที่เปิดใช้งานตลอดเวลา สามารถเชื่อมต่อกันได้ถึง 7 ตัวในเครื่องเดียวกัน โดยปกติเมนบอร์ดจะไม่มี I/O ที่สามารถต่อกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI ได้โดยตรง ต้องใช้ Interface Card หรือ SCSI
Controller Card ต่อเชื่อมระหว่างเมนบอร์ดกับฮาร์ดดิสก์แบบ SCSI

เป็นหน่วยความจำหลักของเครื่องมีความเร็วในการทำงานสูงแต่มีข้อเสียคือ สามารถเก็บข้อมูลไว้ได้ขณะที่เปิดเครื่องอยู่เท่านั้น ถ้าปิดเครื่องข้อมูลก็จะหายไป แรมแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ
- SRAM ทำจากทรานซิสเตอร์ กินไฟมากมีความเร็วสูง แต่เนื่องจากมีราคาแพงมาก จึงมักใช้ทำเป็นหน่วยความจำแคชสำหรับเมนบอร์ด และซีพียู
- DRAM เป็นหน่วยความจำที่สร้างขึ้นโดยใช้สถานะ “มีประจุ” และ“ไม่มีประจุ” เป็นหลักในการเก็บข้อมูลซึ่งกินไปน้อยและราคาถูกกว่า SRAM จึงนิยมนำมาใช้ทำเป็นหน่วยความจำ หลักในเครื่องคอมพิวเตอร์ การทำงานของDRAM
จะต้องทาการเติมประจุตามระยะเวลาที่กำหนด เพื่อไม่ให้ข้อมูลสูญหายไปเรียกว่าการ “Refresh” แรมที่ใช้เป็นหน่วยความจำหลักในคอมพิวเตอร์คือ DRAM ซึ่งมีหลายแบบ แต่ที่นิยมใช้กัน มี 2 แบบคือ EDO DRAM และ SDRAM
EDO DRAM เป็น DRAM ที่ได้รับการพัฒนาให้มีความเร็วสูงขึ้นนิยมใช้ในเครื่องรุ่น 486, Pentium
SDRAM เนื่องจากEDO RAM ไม่สามารถทำงานได้ที่ความถี่เกินกว่า 66 MHz
ชนิดของแรม
แรมมีความจุเป็นไบท์ และมีหลายประเภทมีการพัฒนาทั้งทางด้านความเร็วหลายประเภทมีการพัฒนาทั้งทางด้านความเร็ว และความจุดังนี้
1. DRAM เป็นแรมที่มีความเร็ว และความจุน้อยที่สุด
2. EDO RAM พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการแสดงผลทางด้านกราฟฟิค และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องระดับ Penrium ใช้กับเมนบอร์ดซ็อกเก็ต 7 โดยใช้กับช่องเสียบในแบบ SIMM ที่มีหน้าที่สัมผัสด้านเดียว จึงต้องใส่เป็นคู่
3. SDRAM เป็นหน่วยความจำที่ทำงานเร็วกว่าและมีช่องสัญญาณ มากกว่า DRAM และ EDO RAM ออกแบบมาให้ใช้กับเมนบอร์ดที่เป็นสล็อต 1 และซ็อกเก็ต 7 บางรุ่นโดยใช้กับช่องเสียบในแบบ DIMM ที่มีหน้าสัมผัส 2 หน้า จึงใส่ที่ละแผงได้
4. DDR SDRAM เป็นแรมที่พัฒนามาจาก SDRAM เพื่อให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
5. RDRAM เป็นแรมแบบใหม่ที่มีความเร็วสูง ที่คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ SDRAM แต่จะต้องใช้กับช่องเสียบในแบบ RIMM ด้วย
1. DRAM เป็นแรมที่มีความเร็ว และความจุน้อยที่สุด
2. EDO RAM พัฒนาขึ้นมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการแสดงผลทางด้านกราฟฟิค และถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานกับเครื่องระดับ Penrium ใช้กับเมนบอร์ดซ็อกเก็ต 7 โดยใช้กับช่องเสียบในแบบ SIMM ที่มีหน้าที่สัมผัสด้านเดียว จึงต้องใส่เป็นคู่
3. SDRAM เป็นหน่วยความจำที่ทำงานเร็วกว่าและมีช่องสัญญาณ มากกว่า DRAM และ EDO RAM ออกแบบมาให้ใช้กับเมนบอร์ดที่เป็นสล็อต 1 และซ็อกเก็ต 7 บางรุ่นโดยใช้กับช่องเสียบในแบบ DIMM ที่มีหน้าสัมผัส 2 หน้า จึงใส่ที่ละแผงได้
4. DDR SDRAM เป็นแรมที่พัฒนามาจาก SDRAM เพื่อให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า
5. RDRAM เป็นแรมแบบใหม่ที่มีความเร็วสูง ที่คาดว่าจะเข้ามาแทนที่ SDRAM แต่จะต้องใช้กับช่องเสียบในแบบ RIMM ด้วย

คีย์บอร์ด (Keyboard) หรือ แป้นพิมพ์
เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการพิมพ์คำสั่งต่าง ๆ เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลในการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ รวมทั้งมีการพัฒนาให้มีการเปิดปิดเครื่องผ่านทางแป้นพิมพ์ และนำอุปกรณ์อื่น ๆ มาติดตั้งเพิ่มขึ้น เช่น เมาส์ ชนิดที่เรียกว่า Trackball ไว้บนแป้นพิมพ์ด้วย ปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ดมีจำนวนมาก ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ส่วนหลัก คือ
-Typing keys กลุ่มปุ่มพิมพ์อักขระ
-Numeric keypad กลุ่มปุ่มตัวเลข และเครื่องหมายคำนวณ
-Function keys กลุ่มปุ่มฟังก์ชัน F1 - F12
-Control keys กลุ่มปุ่มควบคุมต่างๆ เช่น ลูกศร, Ctrl, Alt
เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นมากในการพิมพ์คำสั่งต่าง ๆ เพื่อสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน และยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับป้อนข้อมูลในการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ รวมทั้งมีการพัฒนาให้มีการเปิดปิดเครื่องผ่านทางแป้นพิมพ์ และนำอุปกรณ์อื่น ๆ มาติดตั้งเพิ่มขึ้น เช่น เมาส์ ชนิดที่เรียกว่า Trackball ไว้บนแป้นพิมพ์ด้วย ปุ่มต่างๆ บนคีย์บอร์ดมีจำนวนมาก ซึ่งสามารถแบ่งได้ 4 ส่วนหลัก คือ
-Typing keys กลุ่มปุ่มพิมพ์อักขระ
-Numeric keypad กลุ่มปุ่มตัวเลข และเครื่องหมายคำนวณ
-Function keys กลุ่มปุ่มฟังก์ชัน F1 - F12
-Control keys กลุ่มปุ่มควบคุมต่างๆ เช่น ลูกศร, Ctrl, Alt

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ สำหรับแปลงสัญญาณภาพแบบดิจิตอล ไปเป็นสัญญาณแบบอะนาล็อค เพื่อแสดงผลบนหน้าจอมอนิเตอร์ การ์ดแสดงผลที่ดี จะช่วยให้เครื่องสามารถแสดงผลภาพเคลื่อนไหว และภาพ 3 มิติ เช่น เกม ต่าง ๆ ได้ราบรื่นไม่เกิดการกระตุกของภาพ และแสดงผลราคาถูก
ในปัจจุบันนิยมใช้การ์ดแสดงผลแบบ AGP ซึ่งเสียบกับสล็อตแบบ AGP บนเมนบอร์ดเนื่องจากบัสแบบ AGP มีความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลสูงกว่าบัสแบบ PCI ประกอบกับมีหน่วยความจำจำนวนมากอยู่บนตัวการ์ด และทำงานโดยประสานกับซีพียู โดยตรงจึงทำให้สามารถแสดงผลได้อย่างรวดเร็ว
ดิสเพลย์การ์ด (Display Card) หรือ วีจีเอการ์ด (VGA Card)
เป็นการ์ดที่มีไว้สำหรับต่อเข้ากับจอภาพ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้ไปปรากฎที่จอภาพเพื่อให้ผู้ใช้งานทราบถึงการทำงานของเครื่อง ดิสเพลย์การ์ดรุ่นแรกนั้นเรียกว่า โมโนโครมการ์ด จะแสดงผลได้เพียงสีเดียว มีบัสเป็นแบบ XT ต่อมาเพิ่มการแสดงผลให้เป็นสีขึ้นมา แต่จำนวนและความละเอียดของสีจะไม่มากนักเรียกการ์ดนี้ว่า ซีจีเอการ์ด (CGA Card) การแสดงผลของวีจีเอการ์ดนี้จะขึ้นอยู่กับวีดีโอแรม และไดรเวอร์ ของการ์ดนั้นด้วย ปัจจุบันมีการแสดงผลแบบ 3 มิติ และต่อสัญญาณไปเข้ากับโทรศัพท์ด้วย จึงมีการสร้างบัสที่สามารถแสดงผลได้เร็วและคมชัดเรียกว่า เอจีพีบัส (AGP Bus) ส่วนวีจีเอการ์ดที่ติดตั้งมาบนเมนบอร์ดนั้นจะเป็นบัสแบบใดขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต และในเมนบอร์ดบางรุ่นจะใช้แรมของระบบไปใช้เป็นวีดีโอแรมด้วยหากใช้เมนบอร์ดแบบนี้ควรเพิ่มแรมสำหรับใช้เป็นวีดีโอแรมด้วย
เป็นการ์ดที่มีไว้สำหรับต่อเข้ากับจอภาพ ที่ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณให้ไปปรากฎที่จอภาพเพื่อให้ผู้ใช้งานทราบถึงการทำงานของเครื่อง ดิสเพลย์การ์ดรุ่นแรกนั้นเรียกว่า โมโนโครมการ์ด จะแสดงผลได้เพียงสีเดียว มีบัสเป็นแบบ XT ต่อมาเพิ่มการแสดงผลให้เป็นสีขึ้นมา แต่จำนวนและความละเอียดของสีจะไม่มากนักเรียกการ์ดนี้ว่า ซีจีเอการ์ด (CGA Card) การแสดงผลของวีจีเอการ์ดนี้จะขึ้นอยู่กับวีดีโอแรม และไดรเวอร์ ของการ์ดนั้นด้วย ปัจจุบันมีการแสดงผลแบบ 3 มิติ และต่อสัญญาณไปเข้ากับโทรศัพท์ด้วย จึงมีการสร้างบัสที่สามารถแสดงผลได้เร็วและคมชัดเรียกว่า เอจีพีบัส (AGP Bus) ส่วนวีจีเอการ์ดที่ติดตั้งมาบนเมนบอร์ดนั้นจะเป็นบัสแบบใดขึ้นอยู่กับบริษัทผู้ผลิต และในเมนบอร์ดบางรุ่นจะใช้แรมของระบบไปใช้เป็นวีดีโอแรมด้วยหากใช้เมนบอร์ดแบบนี้ควรเพิ่มแรมสำหรับใช้เป็นวีดีโอแรมด้วย

การ์ดเสียง (SOUND CARD)
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถแสดงผลได้ทั้งภาพและเสียงเรียกว่า มีมัลติมีเดีย ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน การ์ดเสียงมีหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอล ทีประมวลผลจากซีพียู ให้เป็นสัญญาณเสียง และสามารุรับฟังได้ผ่านทางลำโพง การ์ดเสียงที่ดี จะมีการสร้างเสียงสังเคราะห์ เลียนเสียงธรรมชาติ หรือเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ทำให้สามารถเล่นเพลงให้เสียงสมจริง และควรสนับสนุนช่องเสียงหลายช่อง ซึ่งในปัจจุบันมักมีถึง 4 แซนแนล
เนื่องจากคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันสามารถแสดงผลได้ทั้งภาพและเสียงเรียกว่า มีมัลติมีเดีย ดังนั้นการ์ดเสียงจึงเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน การ์ดเสียงมีหน้าที่แปลงสัญญาณดิจิตอล ทีประมวลผลจากซีพียู ให้เป็นสัญญาณเสียง และสามารุรับฟังได้ผ่านทางลำโพง การ์ดเสียงที่ดี จะมีการสร้างเสียงสังเคราะห์ เลียนเสียงธรรมชาติ หรือเสียงเครื่องดนตรีต่าง ๆ ทำให้สามารถเล่นเพลงให้เสียงสมจริง และควรสนับสนุนช่องเสียงหลายช่อง ซึ่งในปัจจุบันมักมีถึง 4 แซนแนล
ซาวน์การ์ด (Sound card) หรือการ์ดเสียง เป็นการ์ดที่สร้างขึ้นมาโดยนำอุปกรณ์ทางด้านอิเล็คทรอนิคส์มาประกอบเพื่อสร้างเสียงต่าง ๆ ขึ้นมาให้เหมาะสมร่วมกับการแสดงผลโดยซาวน์การ์ดรุ่นแรก ๆ จะเป็นแบบ FM คือ สามารถใช้งานกับเสียงประเภท .WAV, .VOC ได้ดี และต่อมาได้มีการพัฒนาให้ใช้กับไฟล์ แบบมีดีกับเครื่องคอมพิวเตอร์ได้โดยการสร้างเวฟเทเบิ้ลมาติดตั้งเพิ่มบนซาวน์การ์ดเพื่อให้เครื่องคอมพิวเตอร์ได้ และในซาวน์การ์ดบางรุ่นจะเพิ่มระบบ 3 มิติ เข้าไปด้วย โดยทั่วไปซาวน์การ์ดจะมีช่องสำหรับเสียบอุปกรณ์ต่าง ๆ คือ
-Line Out เป็นจุดที่ใช้สำหรือต่อสัญญาณไปเข้าเครื่องขยายเสียง
-Speaker Out เป็นช่องสำหรับต่อเสียงไปเข้าลำโพง
-MIC In เป็นช่องสำหรือต่อไมโครโฟน
-Line In เป็นช่องสำหรับต่อสัญญาณเสียงจากภายนอกเพื่อให้ซาวน์การ์ดเป็นตัวขยายเสียง
-Game Port สำหรับต่อจอยสติกสำหรับเล่นเกมส์ ซาวน์การ์ดโดยทั่วไปจะมีบัสเป็นแบบ ISA Bus และ PCI Bus เท่านั้น
-Line Out เป็นจุดที่ใช้สำหรือต่อสัญญาณไปเข้าเครื่องขยายเสียง
-Speaker Out เป็นช่องสำหรับต่อเสียงไปเข้าลำโพง
-MIC In เป็นช่องสำหรือต่อไมโครโฟน
-Line In เป็นช่องสำหรับต่อสัญญาณเสียงจากภายนอกเพื่อให้ซาวน์การ์ดเป็นตัวขยายเสียง
-Game Port สำหรับต่อจอยสติกสำหรับเล่นเกมส์ ซาวน์การ์ดโดยทั่วไปจะมีบัสเป็นแบบ ISA Bus และ PCI Bus เท่านั้น
ในเมนบอร์ดบางรุ่นจะนำซาวน์การ์ดนี้ไปติดตั้งไว้บนเมนบอร์ด และจะเป็นซาวน์การ์ดแบบไม่มีเวฟ-เทเบิ้ล และข้อเสียของซาวน์การ์ดแบบออนบอร์ดก็คือ สัญญาณเสียงจะเบาไม่สามารถต่อเข้ากับลำโพงที่ไม่มีการขยายเสียงได้

เมนบอร์ด (MAINBOARD)
บอร์ดเป็นแผ่นวงจร PCB มีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ต่าง ๆ ทำงานอยู่ร่วมกัน รวมทั้งมี สล็อดและซ็อคเก็ตสำหรับเสียบใส่อุปกรณ์ได้แก่ ซีพียู ฮาร์ดดิก์ แรม และการ์ดเสียบเพิ่มอยู่ด้วยกันเพื่อประสานการทำงานระหว่างกัน โดยมีบัส ซึ่งเป็นเสมือนถนนทางด่วนข้อมูลเป็นตัวเชื่อมต่อ เมนบอร์ด (Mainboard) หรือ มาเธอร์บอร์ด (MotherBoard) เป็นแผงวงจรหลักที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ติดตั้งอยู่ เช่น ช่องสำหรับเสียบแผงวงจรต่อออกภายนอก สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ , สล็อต หรือ ซ็อกเก็ต สำหรับติดตั้งหน่วยความจำ , ซ็อกเก็ต หรือ สล็อต สำหรับติตตั้งซีพียูโดยจะมีซีพียูที่นำมาติดตั้งเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์แต่ละชนิด
บอร์ดรุ่นแรก ๆ จะมีเพียงซีพียู , แรม , ช่องต่อขยาย , จุดต่อ สำหรับต่อแป้นพิมพ์เท่านั้น ต่อมามีกาพัฒนานำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาติดตั้งเพิ่มไว้บนเมนบอร์ด เรียกว่า อุปกรณ์แบบออนบอร์ด โดยเริ่มจาก I/O (Input/Output) ซึ่งได้แก่อุปกรณ์ที่ทำการติดต่อกับดิสก์ไดร์ฟ, ฮาร์ดดิสก์, พอร์ตสื่อสาร แล้วเพิ่มการ์ดแสดงผลทางจอภาพ โดยจะมีทั้งที่ติดตั้งหน่วยความจำที่ใช้เป็น Video RAM ไว้บนเมนบอร์ด และใช้หน่วยความจำหลักไปเป็น Video RAM การใช้งานทางด้านเสียง การับส่งข้อมูลทางอนาลอก เช่น FAX/MODEM รวมไปถึงการต่อระบบเครือข่าย ชนิดของเมนบอร์ด เมนบอร์ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในปัจจบันมีมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ในการแยกประเภทหรือชนิดของเมนบอร์ดนั้นคงต้องใช้ต้องใช้หลักการเชื่อมต่อของซีพียูเข้ากับเมนบอร์ดเป็นตัวกำหนด ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือแบบสล็อตกับแบบซ็อกเก็ต เมนบอร์ดที่ใช้การเชื่อต่อแบบสล็อตในปัจจุบันหาซื้อได้ยากแล้ว เนื่องจากซีพียูแบบตลับที่ใช้เสียบกับสล็อตเลิกผลิตแล้ว คงมีเพียงที่ผลิตออกมารองรับซีพียูเดิม เมนบอร์ดที่ใช้การต่อเชื่อมแบบซ็อกเก็ตในปัจจุบันมีออกมาแข่งขันกันจำนวนมากมีตั้งแต่ซ็อกเก็ต 7 ที่ใช้กับซีพียูเอเอ็มดี K6-2 และK6-3 ซ็อกเก็ต 370 ที่ใช้กับอินเทล Celeron และ Pentium III และซ็อกเก็ต A สำหรับซีพียู Duron และ Thunderbird
บอร์ดเป็นแผ่นวงจร PCB มีอุปกรณ์อิเลคโทรนิคส์ต่าง ๆ ทำงานอยู่ร่วมกัน รวมทั้งมี สล็อดและซ็อคเก็ตสำหรับเสียบใส่อุปกรณ์ได้แก่ ซีพียู ฮาร์ดดิก์ แรม และการ์ดเสียบเพิ่มอยู่ด้วยกันเพื่อประสานการทำงานระหว่างกัน โดยมีบัส ซึ่งเป็นเสมือนถนนทางด่วนข้อมูลเป็นตัวเชื่อมต่อ เมนบอร์ด (Mainboard) หรือ มาเธอร์บอร์ด (MotherBoard) เป็นแผงวงจรหลักที่มีอุปกรณ์ต่าง ๆ ติดตั้งอยู่ เช่น ช่องสำหรับเสียบแผงวงจรต่อออกภายนอก สำหรับควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่าง ๆ , สล็อต หรือ ซ็อกเก็ต สำหรับติดตั้งหน่วยความจำ , ซ็อกเก็ต หรือ สล็อต สำหรับติตตั้งซีพียูโดยจะมีซีพียูที่นำมาติดตั้งเป็นตัวควบคุมการทำงานของอุปกรณ์แต่ละชนิด
บอร์ดรุ่นแรก ๆ จะมีเพียงซีพียู , แรม , ช่องต่อขยาย , จุดต่อ สำหรับต่อแป้นพิมพ์เท่านั้น ต่อมามีกาพัฒนานำอุปกรณ์ต่าง ๆ มาติดตั้งเพิ่มไว้บนเมนบอร์ด เรียกว่า อุปกรณ์แบบออนบอร์ด โดยเริ่มจาก I/O (Input/Output) ซึ่งได้แก่อุปกรณ์ที่ทำการติดต่อกับดิสก์ไดร์ฟ, ฮาร์ดดิสก์, พอร์ตสื่อสาร แล้วเพิ่มการ์ดแสดงผลทางจอภาพ โดยจะมีทั้งที่ติดตั้งหน่วยความจำที่ใช้เป็น Video RAM ไว้บนเมนบอร์ด และใช้หน่วยความจำหลักไปเป็น Video RAM การใช้งานทางด้านเสียง การับส่งข้อมูลทางอนาลอก เช่น FAX/MODEM รวมไปถึงการต่อระบบเครือข่าย ชนิดของเมนบอร์ด เมนบอร์ดที่มีจำหน่ายในท้องตลาดในปัจจบันมีมากมายหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ในการแยกประเภทหรือชนิดของเมนบอร์ดนั้นคงต้องใช้ต้องใช้หลักการเชื่อมต่อของซีพียูเข้ากับเมนบอร์ดเป็นตัวกำหนด ซึ่งจะแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือแบบสล็อตกับแบบซ็อกเก็ต เมนบอร์ดที่ใช้การเชื่อต่อแบบสล็อตในปัจจุบันหาซื้อได้ยากแล้ว เนื่องจากซีพียูแบบตลับที่ใช้เสียบกับสล็อตเลิกผลิตแล้ว คงมีเพียงที่ผลิตออกมารองรับซีพียูเดิม เมนบอร์ดที่ใช้การต่อเชื่อมแบบซ็อกเก็ตในปัจจุบันมีออกมาแข่งขันกันจำนวนมากมีตั้งแต่ซ็อกเก็ต 7 ที่ใช้กับซีพียูเอเอ็มดี K6-2 และK6-3 ซ็อกเก็ต 370 ที่ใช้กับอินเทล Celeron และ Pentium III และซ็อกเก็ต A สำหรับซีพียู Duron และ Thunderbird

เมาส์ (Mouse)
เป็นอุปกรณ์สำหรับเลือกและป้อนคำสั่ง ปกติจะมี 2 ปุ่ม และ 3 ปุ่ม แต่ส่วนมากจะใช้เพียง 2 ปุ่ม
เป็นอุปกรณ์สำหรับเลือกและป้อนคำสั่ง ปกติจะมี 2 ปุ่ม และ 3 ปุ่ม แต่ส่วนมากจะใช้เพียง 2 ปุ่ม
-ปุ่มขวาใช้สำหรับเรียกคำสั่งลัด หรือคำสั่งเกี่ยวกับการทำงานตรงส่วนนั้น ๆ
-ปุ่มซ้ายใช้สำหรับเลือกและใช้คำสั่ง
เมาส์ได้ถูกพัฒนาให้มีตัวเลื่อนอยู่ตรงกลางระหว่างปุ่มหรือด้านข้างของตัวเมาส์ใช้สำหรับเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าจอขึ้นลงเมื่ออยู่ในอินเตอร์เน็ต ด้านล่างของเมาส์ จะมีลูกกลิ้งยางเป็นตัวบังคับอุปกรณ์ภายในให้เคลื่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลตำแหน่งที่ชี้
เมื่อใช้งานนาน ๆ อุปกรณ์ที่สัมผัสกับลูกกลิ้งยางจะสกปรกเนื่องจากมีฝุ่นเกาะ ทำให้เลื่อนไม่สะดวก ต้องทำความสะอาดด้วย การเช็ดสิ่งสกปรกออก
เมาส์แบ่งออกเป็นหลายแบบ Serial Mouse เป็นเมาส์ที่ต่อกับพอร์ต COM 1 หรือ COM 2 PS/2 Mouse เป็นเมาส์ที่ทำงานเหมือนกับ Serial Mouse แต่มีการเปลี่ยนหัวเสียบมาเป็นแบบ PS/2 Track ball จะเหมือนกับเมาส์ทุกอย่างแต่จะหงายลูกกลิ้งยางขึ้นเพื่อให้ใช้นิ้วหมุนลูกกลิ้งยาง และมีปุ่มสำหรับเลือกคำสั่งอยู่ข้าง ๆ Infrared Mouse เป็นเมาส์ไร้สายส่งสัญญาณผ่านแสงอินฟาเรด ส่วนมากจะใช้กับการนำเสนอข้อมูลการเรียนการสอนที่ผู้ใช้เมาส์ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องตลอดเวลา
เมาส์ได้ถูกพัฒนาให้มีตัวเลื่อนอยู่ตรงกลางระหว่างปุ่มหรือด้านข้างของตัวเมาส์ใช้สำหรับเลื่อนดูข้อมูลบนหน้าจอขึ้นลงเมื่ออยู่ในอินเตอร์เน็ต ด้านล่างของเมาส์ จะมีลูกกลิ้งยางเป็นตัวบังคับอุปกรณ์ภายในให้เคลื่อนที่เกิดการเปลี่ยนแปลตำแหน่งที่ชี้
เมื่อใช้งานนาน ๆ อุปกรณ์ที่สัมผัสกับลูกกลิ้งยางจะสกปรกเนื่องจากมีฝุ่นเกาะ ทำให้เลื่อนไม่สะดวก ต้องทำความสะอาดด้วย การเช็ดสิ่งสกปรกออก
เมาส์แบ่งออกเป็นหลายแบบ Serial Mouse เป็นเมาส์ที่ต่อกับพอร์ต COM 1 หรือ COM 2 PS/2 Mouse เป็นเมาส์ที่ทำงานเหมือนกับ Serial Mouse แต่มีการเปลี่ยนหัวเสียบมาเป็นแบบ PS/2 Track ball จะเหมือนกับเมาส์ทุกอย่างแต่จะหงายลูกกลิ้งยางขึ้นเพื่อให้ใช้นิ้วหมุนลูกกลิ้งยาง และมีปุ่มสำหรับเลือกคำสั่งอยู่ข้าง ๆ Infrared Mouse เป็นเมาส์ไร้สายส่งสัญญาณผ่านแสงอินฟาเรด ส่วนมากจะใช้กับการนำเสนอข้อมูลการเรียนการสอนที่ผู้ใช้เมาส์ไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าเครื่องตลอดเวลา

ซีดีรอมไดร์ฟ (CD-ROM Drive)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดี มีความจำเป็นต้องใช้มากสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูล หรือโปรแกรมส่วนมากจะมีขนาดใหญ่ จะต้องบันทึกไว้ในแผ่นซีดี ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลจะแตกต่างกันออกไปตามความเร็วของซีดีรอมไดร์ฟแต่ละตัว ซีดีรอมไดร์ฟจะมีทั้งแบบติดตั้งภายในที่ติดตั้งถาวรไว้กับตัวเครื่อง ไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ และแบบติดตั้งภายนอก จะต่อกับตัวเครื่องโดยใช้สายสัญญาณเป็นตัวต่อเชื่อมเหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ทั้งสองแบบยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ IDE และ SCSI ส่วนใหญ่ IDE จะใช้สำหรับติดตั้งภายนอก และมักจะเป็นแบบอ่านและบันทึก
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลจากแผ่นซีดี มีความจำเป็นต้องใช้มากสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน เนื่องจากข้อมูล หรือโปรแกรมส่วนมากจะมีขนาดใหญ่ จะต้องบันทึกไว้ในแผ่นซีดี ซึ่งสามารถเก็บข้อมูลจะแตกต่างกันออกไปตามความเร็วของซีดีรอมไดร์ฟแต่ละตัว ซีดีรอมไดร์ฟจะมีทั้งแบบติดตั้งภายในที่ติดตั้งถาวรไว้กับตัวเครื่อง ไม่เหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ และแบบติดตั้งภายนอก จะต่อกับตัวเครื่องโดยใช้สายสัญญาณเป็นตัวต่อเชื่อมเหมาะสำหรับการเคลื่อนย้ายบ่อย ๆ ทั้งสองแบบยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ IDE และ SCSI ส่วนใหญ่ IDE จะใช้สำหรับติดตั้งภายนอก และมักจะเป็นแบบอ่านและบันทึก
วันพฤหัสบดีที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
การติดตั้งวินโดวส์
1. นำแผ่น CD WINDOWS ใส่ไดวส์ CD-Rom
2. กด ctrl+Alt+Del ปิดเครื่องและเปิดเครื่องใหม่เพื่อให้อ่าน แผ่นCDวินโดวส์/คลิกStart---Turnoff Computer----คลิก Restart
2. กด ctrl+Alt+Del ปิดเครื่องและเปิดเครื่องใหม่เพื่อให้อ่าน แผ่นCDวินโดวส์/คลิกStart---Turnoff Computer----คลิก Restart
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)